เส้นใยแก้วนำแสง
เส้นใยแก้ว หมายถึง
เส้นใยโปร่งแสงทรงกระบอกตันขนาดเล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นใยแก้วทั้งเส้นประมาณ
125 ไมครอน
(ไมโครเมตร) หรือ 0.125 มิลลิเมตร
โดยทั่วไปวัสดุที่ใช้ทำจะเป็นสารประกอบประเภท ซิลิกา หรือ ซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) ก็คือแก้วบริสุทธิ์
โดยเนื้อแก้วนี้อาจถูกเจือ (Doped)
ด้วยสารหรือวัสดุบางอย่าง ที่จะสามารถควบคุมอัตราการเจือได้
เพื่อที่จะทำให้แก้วมีค่าดรรชนีหักเหของแสง (Refractive index) ตามต้องการ
ข้อดีของเส้นใยแก้วนำแสง
1. มีค่าการลดทอนสัญญาณต่ำ (Low attenuation)
ค่าการลดทอนสัญญาณของเส้นใยแก้วจะมีค่าขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นแสงที่ใช้
แต่จะมีค่าน้อยมากถ้าเลือกใช้แสงที่มีความยาวที่เหมาะสม
เส้นใยแก้วธรรมดาที่ประกอบด้วยเนื้อแก้วบริสุทธิ์
จะมีค่าการลดทอนสัญญาณต่ำที่ความยาวคลื่นแสงในช่วงของ 1.3 ไมครอน และ 1.55 ไมครอน
(จะมีค่าน้อยกว่า 0.2
dB/km) ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้สถานีทวนสัญญาณ (Repeater) จำนวนไม่มาก
ระบบสื่อสารด้วยเคเบิลทองแดง จะใช้ Repeater เพื่อทวนสัญญาณ ทุกๆ 2-5 Km ซึ่งระบบสื่อสารด้วยเส้นใยแก้วนำแสง
จะใช้ Repeater เพื่อทวนสัญญาณ
ประมาณ ทุกๆ 50 Km
2. บรรจุข้อมูลได้เป็นจำนวนมหาศาล
เส้นใยแก้วมีค่าแบนด์วิดท์ (Bandwidth) ในการส่งข้อมูลสูงมาก
3.
โครงสร้างของสายเคเบิลมีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา
4. ราคาถูก
5. เป็นอิสระทางไฟฟ้า (Electrical Isolation)
เนื่องจากเส้นใยแก้วมีคุณสมบัติเป็นฉนวน
จึงไม่นำไฟฟ้าแม้ว่าสายไฟฟ้าเปลือยมาสัมผัส
ก็ไม่ทำให้ผู้สัมผัสเส้นใยแก้วที่อยู่ห่างออกไปมีอันตรายเนื่องมาจากถูกไฟฟ้าดูดได้
6. ปราศจากสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้า
7. ข้อมูลมีความปลอดภัยสูง
8. มีความทนทานสูง
ข้อเสียของเส้นใยแก้วนำแสง
1. เส้นใยแก้วมีความเปราะบาง
2. เส้น OF ไม่สามารถจัดวางให้มีรัศมีการโค้งงอน้อยๆ ได้
3. ในการติดตั้งระบบสายส่ง OF ต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์พิเศษ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น